ปวดฟันหากปล่อยไว้ไม่พบทันตแพทย์ อาจอักเสบและติดเชื้อรุนแรงได้

โดยสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้ เช่น การติดเชื้อบริเวณลำคอ การติดเชื้อในโพรงอากาศไซนัส หรือเกิดโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ เป็นต้น

ทั้งนี้ การปวดฟัน หมายถึง อาการปวดบริเวณตัวฟัน หรืออวัยวะรอบตัวฟัน ส่วนใหญ่มักเป็นพบว่ามีสาเหตุจาก ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันคุด ฟันแตก ฟันสึก หรืออวัยวะปริทันต์อักเสบ ซึ่งอาการปวดไม่สามารถหายเองได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ ฉะนั้นเมื่อเกิดอาการปวดฟัน ควรรีบพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง

สาเหตุของอาการปวดฟัน

  • ฟันผุ
  • ฟันคุด
  • ฟันร้าวหรือฟันแตก
  • ฟันสึกลึกจนถึงชั้นโพรงประสาทฟัน
  • โรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ
  • การอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน
  • ปลายรากฟันอักเสบเป็นหนอง
  • เศษอาหารสะสมบริเวณซอกฟันส่งผลให้ให้เหงือกรอบ ๆ อักเสบ กลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย
  • การปวดฟัน อันเนื่องมาจากฟันขึ้นกำลังขึ้นในวัยเด็ก
  • การปวดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร เนื่องจากการนอนกัดฟัน
  • ฟันได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก

ประเภทของอาการปวดฟัน อาการปวดฟัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. ปวดแบบชั่วคราวหายได้เอง

มักเกิดอาการเมื่อได้รับปัจจัยกระตุ้น เช่น การรับประทานของเย็น ของร้อน หรือขณะเคี้ยวอาหาร โดยอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองเมื่อกำจัดปัจจัยกระตุ้น ลักษณะอาการปวดมักจะมีลักษณะ ปวดจี๊ดๆ หรือ ร่วมกับอาการเสียว โดยมากพบว่าสาเหตุเกิดจากฟันผุหรือฟันบิ่นจนถึงเนื้อฟันชั้นใน ความเย็น ความร้อน และการบดเคี้ยวอาหาร จึงกระตุ้นเส้นประสาทในโพรงประสาทใต้เนื้อฟันได้มากกว่าปกติ ทำให้รู้สึกเสียวฟัน สามารถรักษาให้หายได้โดยการบูรณะฟันร่วมกับการใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน

2. ปวดเป็นจังหวะตุ๊บๆ

อาการปวดลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้เองแม้ไม่มีปัจจัยกระตุ้น โดยส่วนใหญ่พบว่าอาการปวดมักเกิดในเวลากลางคืน และการรับประทานของร้อนจะทำให้อาการปวดนั้นแย่ลง ส่วนของเย็น หรือการเคี้ยวอาหาร ก็พบว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้เช่นกัน และอาการปวดจะยังคงอยู่ แม้จะไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นเเล้วก็ตาม อาจพบร่วมกับอาการบวมหรือหนองบริเวณเหงือกรอบๆฟันซี่นั้น ซึ่งการปวดลักษณะดังกล่าว จะมีความรุนแรงมากกว่าอาการปวดฟันแบบแรก เพราะมีการผุจนทะลุถึงโพรงประสาทภายในฟันแล้ว การรักษาจึงจำเป็นต้องรักษารากฟันร่วมกับการบูรณะฟัน

  • “ปวดฟัน” อย่าเพิกเฉย ควรพบทันตแพทย์

เมื่อมีอาการปวดฟัน ควรพบทันตแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ รับการรักษาตามลักษณะอาการและสาเหตุของโรค เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาการปวดอาจรุนแรงขึ้น โดยเหงือกหรือช่องปากบวม ซึ่งทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจำเป็นต้องถอนฟัน

  • ดูแลสุขภาพช่องปาก ลดการเกิดอาการปวดฟัน

อาการปวดฟัน มักสืบเนื่องมากจากปัญหาฟันผุ ฉะนั้นแล้วเราจึงควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอาการปวดฟัน ด้วยการแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก

เลือดออกตามไรฟัน เป็นสาเหตุบ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง ?

อาการเลือดออกตามไรฟัน หลายคนน่าจะเคยเป็นกันบ่อย ซึ่งนอกจากการแปรงฟันแรงเกินไป หรือการใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งจนไปทำร้ายเหงือกแล้ว การที่มีเลือดออกอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุ ดังนี้

  • เหงือกอักเสบ เป็นสาเหตุหลักของการมีเลือดออกตามไรฟัน 90 % ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพเหงือกไม่แข็งแรง สามารถแก้ไขได้ด้วยการตรวจและกำจัดสาเหตุอย่างสม่ำเสมอ เช่น ขจัดคราบพลัค ขูดหินปูน การรักษาโรคปริทันต์ เป็นต้น
  • มีการรับประทานกลุ่มยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน หรือเฮพาริน เนื่องจากเหงือกเป็นอวัยวะที่มีเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก ทำให้มีเลือดซึมออกมาง่ายเมื่อรับประทานยากลุ่มนี้
  • มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เนื่องจากขาดเกล็ดเลือดหรือขาดโปรตีนที่ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว
  • มีปัญหาสุขภาพในกลุ่มโรคเลือด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือที่คนทั่วไปเรียกว่าลูคีเมีย
  • มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน ทำให้มีเหงือกบวมมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีเลือดซึมออกง่ายในช่วงนั้น

การแยกอาการเลือดออกตามไรฟันเกิดจากโรคปริทันต์ หรือโรคทางระบบเบื้องต้นสามารถสังเกตได้ หากเป็นโรคปริทันต์ หลังจากการรักษาด้วยการขูดหินปูนหรือเกลารากฟัน และดูแลความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี อาการเลือดออกตามไรฟันจะค่อยๆลดลงแต่หากเลือดยังไม่หยุดหรือมีเลือดออกเป็นประจำ แม้ว่าจะมีการปรับพฤติกรรมการแปรงฟันแล้ว ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยและการวางแผนรักษา เพื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ระวัง!!! ต้องสูญเสียฟัน เพราะรากฟันสกปรก

การทำความสะอาดภายในช่องปาก คนส่วนใหญ่จะรู้จักการขูดหินปูน ซึ่งการขูดหินปูนนั้นเป็นการทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกที่ก่อตัวสะสมบริเวณฟัน , ผิวเคลือบฟันโดยรอบ  

การเกลารากฟัน ร่วมกับการขูดหินปูนจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ฝังขึ้นใต้เหงือกให้สะอาดและยังช่วยป้องกันไม่ให้เป็นเหงือกอักเสบ หรือ โรคปริทันต์ โรครำมะนาดและอาจเป็นต้นเหตุให้สูญเสียฟันธรรมชาติไปก่อนกำหนด 

ข้อดีของการเกลารากฟัน 

  • ช่วยทำให้สุขภาพช่องปากสะอาดขึ้น 
  • ฟันแข็งแรงขึ้น 
  • ลดกลิ่นปาก 
  • ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเหงือก 
  • เหงือกแน่นขึ้น 
  • ช่วยทำให้สุขภาพเหงือกแข็งแรงขึ้น 

ทพญ.ภัณฑภา คุณธนนิธิ 
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้าน โรคเหงือก/โรคปริทันต์ 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคเหงือก
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทันตกรรมทั่วไป

ฟันเเตกร้าวต้องทำอย่างไร ควรเลือกรักษาเเบบไหนดี ?

ฟันเเตก,ร้าว,หัก หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่งของฟันเเตกออกจากฟัน ทำให้สภาพโครงสร้างฟันไม่สมบูรณ์ เเลดูไม่สวยงาม  

ปัญหานี้สามารถพบได้ 

ในบุคคลทั่วไปเพศทุกวัย ซึ่งเกิดจากการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุหรือพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตที่เสี่ยงต่อการทบกระเทือนของโครงสร้างฟันเช่น เคี้ยวอาหารอย่างรุนเเรงจนทำให้โครงสร้างฟันเสียหาย  

หากเราดูเเลฟันที่เเตกอย่างถูกต้องเเละรักษาได้ทันท่วงที อาจช่วยรักษาฟันซี่ที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมเเละ ไม่ทำสูญเสียฟันไปอีกด้วย 

การรักษาฟันที่เเตกนั้นสามารถรักษาได้หลายวิธีดังนี้ 

  • อุดฟัน : เป็นการรักษาฟันที่เเตก บิ่น เพียงเล็กน้อย โดยการใช้วัสดุอุดฟัน เช่น พลาสติกเรซิ่น ที่มีสีเเละรูปร่างใกล้เคียงกับฟันของคนไข้ อุดที่ช่องว่างของฟันเพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ  
  • ครอบฟัน : ในกรณีที่ฟันเเตกค่อนข้างใหญ่ ทันตเเพทย์จะเเนะนำให้คนไข้ ทำการครอบฟัน ที่รูปร่างลักษณะเเละสีคล้ายคลึงกับฟันเดิม เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ 
  • วีเนียร์ : หากในกรณีที่คนไข้ฟันเเตกเล็กน้อย การทำวีเนียร์ก็สามารถช่วยให้กลับมาใช้งานได้ โดยการใช้วัสดุเเผ่นเซรามิกขนาดบาง ลักษณะคล้ายคลึงกับฟันเดิม มายึดติดบริเวณผิวเคลือบฟัน  
  • รักษารากฟัน : ในกรณีที่ฟันเเตกลึกลงไปถึงโพรงประสาทฟัน ทันตเเพทย์จะต้องทำความสะอาดด้วยการรักษารากฟัน ฆ่าเชื้อ นำเอาเนื้อเยื่อส่วนที่เสียหายออก เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม จากนั้นทำการปิดด้วยการครอบฟัน เพื่อให้คนไข้กลับมาใช้ฟันได้ตามปกติ ปราศจากความเจ็บปวด 
  • ถอนฟัน : ในกรณีที่ฟันเเตกลึกลงไปใต้เหงือก หรือฟันเกิดความเสียหายรุนเเรง ไม่สามารถรักษาให้กลับมาใช้งานได้ ทันตแพทย์จะเเนะนำให้ถอนฟันซี่นั้น เเละทำการใส่ฟันทดเเทน เช่น ใส่รากฟันเทียมเป็นต้น  

ในบางกรณีที่คนไข้มีอาการฟันเเตก แนะนำให้คนไข้มาพบทันตเเพทย์ เพื่อทำการรักษา 

เนื่องจากในบางกรณีมีวิธีการรักษา ลำดับขั้นตอนการรักษาที่เเตกต่างกันตามดุลพินิจทันตเเพทย์ 

 
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รากฟันเทียม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทันตกรรมเพื่อความงาม

ศูนย์ทันตกรรมและรากฟันเทียม Dentalis & Dental Implant Center 

เบอร์โทรติดต่อ 02-734-0000 ต่อ 3000,3001 
ปรึกษาทันตแพทย์ คลิก 
นัดหมายพบทันตแพทย์ คลิก

การปลูกกระดูกเพื่อการใส่รากฟันเทียม สำคัญอย่างไร

การใส่รากฟันเทียม ในปัจจุบันเป็นวิธีหนึ่งที่เข้ามาช่วยทดเเทนฟันที่สูญเสียไป ให้กลับมาเป็นธรรมชาติอีกครั้ง ซึ่งมีขั้นตอนรายละเอียดการทำที่เเตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ปัจจัยหลักคือปริมาณกระดูกที่เหลืออยู่ในบริเวณที่จะใส่รากฟันเทียม  

โดยสภาพกระดูกของแต่ละบุคคลนั้นจะมีลักษณะความกว้าง ความสูงที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สูญเสียฟันไป และอาจจะเสื่อมตามอายุของคนไข้ เเต่ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้กระดูกเสื่อมลงมีหลายสาเหตุ โดยที่การสลายของกระดูก นั้นเป็นปัญหาหนึ่งในการใส่รากฟันเทียม ซึ่งคนไข้อาจจำเป็นต้องได้รับการปลูกกระดูกก่อนที่จะเริ่มการใส่รากฟันเทียม 

การปลูกกระดูกเพื่อการใส่รากฟันเทียม มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความกว้างและความสูงของกระดูกให้ใส่รากฟันเทียมที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางและความยาวเพียงพอแก่ การใช้งานในระยะยาวได้ เปรียบเสมือนเสาบ้านที่จะต้องอยู่ในดินลึกพอที่จะรองรับบ้านแต่ละชนิดได้ 

การปลูกกระดูกสำหรับใส่รากฟันเทียมมี 2 เเบบหลักๆ คือ 

  1. การปลูกกระดูกพร้อมกับใส่รากฟันเทียม  
  2. การปลูกกระดูกอย่างเดียวก่อน แล้วรอให้กระดูกปลูกเชื่อมประสานกับกระดูกเดิมดีแล้ว จึงค่อยนัดกลับมาใส่รากฟันเทียมในภายหลัง 

ซึ่งการพิจารณาว่าจะทำการปลูกกระดูกวิธีไหน ก็ขึ้นกับลักษณะของสันกระดูกที่เหลืออยู่และการพิจารณาจากทันตแพทย์ ผู้ให้การรักษา 

การผ่าตัดปลูกกระดูกทั้ง 2 แบบ จะทำให้ระยะเวลาโดยรวมของการรักษายาวนานมากขึ้น การผ่าตัดก็จะยุ่งยากมากขึ้นกว่าปกติและค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามผลการศึกษาจากทั่วโลกพบว่า การปลูกกระดูกเพื่อการใส่รากฟันเทียม ทำให้ได้ผลสำเร็จของรากฟันเทียมในระยะยาวมากขึ้นสำหรับสันกระดูกที่ไม่เพียงพอ  

โดย ผศ.ทพ.กษม อายตวงษ์
ทันตเเพทย์เฉพาะทางรากฟันเทียม 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รากฟันเทียม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปลูกกระดูก

การจัดฟันแบบใส (Invisalign) ยิ้มสวยได้ไร้เหล็กดัดฟัน

ในปัจจุบันเทคโนโลยีการจัดฟันใสกำลังเป็นที่ได้รับความนิยมอยู่มาก เนื่องจากเป็นเครื่องมือการจัดฟันที่สะดวกสบาย การจัดฟันใสสามารถแก้ปัญหาจากแบร็คเก็ตเเละลวดจัดฟันที่อาจก่อให้เกิดเเผลบาดที่เหงือกหรือกระพุ้งแก้ม โดยการจัดฟันใสเป็นนวัตกรรมที่ถูก ออกเเบบขึ้นจากพลาสติกใสคุณภาพดีมีผิวสัมผัสที่เรียบตามลักษณะฟันของผู้ใช้งาน หากไม่สังเกตดีๆจะมองเห็นได้ค่อนข้างยาก ซึ่งวัสดุชิ้นงานจัดฟันนี้จะถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลเท่านั้น โดยจะใส่ชิ้นงานประมาณ 20-22 ชม./วัน เเละถอดเฉพาะตอนรับประทานอาหารหรือเเปรงฟัน โดยมีระยะเวลาการใส่ชิ้นงานประมาณ 1-2 สัปดาห์/ชิ้น จากนั้นเปลี่ยนชิ้นงานจัดฟันใส เพื่อให้ฟันมีการพัฒนาตามเเผนงานที่วางเอาไว้ ซึ่งการจัดฟันใสจะเข้ามาช่วยท่านที่กังวลไม่อยากโชว์เหล็กจัดฟันหรือลวดจัดฟัน  

การจัดฟันใสทำให้รับประทานอาหารได้เป็นปกติเเละยังสามารถทำความสะอาดฟันได้โดยไม่มีเหล็กและลวดมากวนใจ อีกทั้งยังลดเวลาในการมาพบทันตแพทย์จากเดิมที่ต้องมาปรับเครื่องมือทุกเดือน เป็น 2-3 เดือน/ครั้ง เป็นต้น 

ขอแนะนำ ทพญ.สาวิตรี วิสุวรรณ
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้าน การจัดฟัน 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทันตกรรมจัดฟัน

สูญเสียฟันจากโรคเหงือกการใส่รากฟันเทียมช่วยได้  

โรคเหงือก เป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดการอักเสบของโรคเหงือก ในระยะเเรกเริ่มมักจะมีอาการเจ็บเเบบเล็กน้อยไม่มากเเต่ไม่ควรปล่อยไว้ เพราะอาจจะลุกลามเเละท้ายที่สุดนำมาสู่การสูญเสียฟันในที่สุด ซึ่งสาเหตุของการอักเสบเกิดจากการสะสมตัวของคราบสิ่งสกปรก 

หากในกรณีที่คนไข้ที่เป็นโรคเหงือกเเละท้ายที่สุดจำเป็นต้องถอนฟันออกไปก็ไม่ต้องกังวล เพราะด้วยนวัตกรรมทางทันตกรรมในปัจจุบันสามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่สูญเสียฟันไปเเล้วกลับมาใช้ฟันได้เเทบจะสมบูรณ์เเบบ นั้นคือการทำรากฟันเทียม โดยมีความใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด รากฟันเทียมนั้นทำมาจากไทเทเนียมซึ่งสามารถเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้ดี ซึ่งคนไข้ที่มีปัญหาโรคเหงือกจนทำให้สูญเสียฟันไปนั้น หลังจากที่รักษาเหงือกดูเเลควบคุมการอักเสบในฟันที่เหลืออยู่ได้เเล้ว การทำรากฟันเทียมทดเเทนฟันที่เสียไปก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ทันตเเพทย์ส่วนใหญ่เเนะนำ 

ทพ. ยอดมงคล ศรีอรุโณทัย
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้าน ศัลยกรรมช่องปาก

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รากฟันเทียม, โรคเหงือก