กระบวนการทำรากเทียม เตรียมตัวก่อนฟันสวย

ในบางกรณีจำเป็นต้องมีการผ่าตัดเสริมกระดูกก่อนปักรากเทียมขึ้น กับสภาพกระดูกขากรรไกรและแผนการรักษา

ขั้นตอนการเปลี่ยนรากฟันเทียม

  • ตรวจสภาพช่องปากx-ray วางแผนการรักษาร่วมกับทันตแพทย์
  • เตรียมช่องปากก่อนการผ่าตัดฝังรากเทียม(รักษาโรคเหงือกเป็นต้น)
  • การผ่าตัดฝัง ตัวรากเทียม
  • การทำครอบฟัน หรือฟันเทียม
  • นัดผู้ป่วยเพื่อตรวจติดตามผลการรักษาอย่างเหมาะสม

ยิ้มสวยไร้ปัญหา ด้วยจัดฟันใส

การจัดฟันแบบใส (Invisalign Personal 3D Design) เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การสวมใส่ชุดอุปกรณ์การจัดฟันแบบใส จะค่อย ๆ ช่วยจัดเรียงฟัน ให้เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม จนกระทั่งจัดเรียงฟันอย่างเป็นธรรมชาติ ตามที่ได้ออกแบบไว้ นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใส ยังใช้ระยะเวลาการจัดฟันน้อยกว่าการจัดฟันติดเหล็กแบบเดิมด้วย
การจัดฟันแบบใส สามารถแก้ไขปัญหาภาวะสบฟันผิดปกติได้ ตั้งแต่เล็กน้อย ปานกลาง ไปจนถึงรุนแรง ดังนี้

  • ฟันห่าง มีช่องว่างระหว่างฟัน
  • ฟันสบกันแบบไขว้ กรามบนและล่างไม่สบกัน
  • ฟันสบลึก ฟันบนยื่น
  • ขากรรไกรล่างยื่น ฟันล่างยื่น
  • ฟันซ้อนเก ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับฟัน
  • ฟันสบเปิด มีช่องว่างตามแนวระหว่างฟันหน้า

เทคโนโลยีจัดฟันใส ดีไซน์ 3มิติ เฉพาะบุคคล สร้างความมั่นใจ ด้วยยิ้มสวยเป็นธรรมชาติ

ฟันเรียงตัวผิดปกติ ฟันห่าง ฟันเก ฟันซ้อน ฟันยื่น การสบฟันผิดปกติ ขากรรไกรอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้ส่งผลต่อบุคคลิกภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังกระทบกับประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว และอาจนำมาสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากได้ เพราะเป็นอุปสรรคต่อการทำความสะอาด จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันฝุ ฟันสึกกร่อน โรคเหงือก และโรคทางช่องปากอื่น ๆ

การจัดฟัน จึงเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฟัน เพื่อแก้ปัญหาให้ฟันเรียงตัวกันอย่างเหมาะสม เพื่อสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง อีกทั้งปัจจุบันยังมีนวัตกรรมการจัดฟันแบบใส ไม่เป็นอุปสรรคด้านความสวยงาม ช่วยให้ยิ้มได้อย่างมั่นใจแม้อยู่ในระหว่างการรักษา

เทคโนโลยีจัดฟันใส ออกแบบ 3มิติ เฉพาะบุคคล

การจัดฟันแบบใส (Invisalign Personal 3D Design) เป็นทางเลือกในการจัดฟันที่มองไม่เห็นอุปกรณ์ เป็นนวัตกรรมกระตุ้นทำให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างฟันใหม่ ให้เรียงตัวสวยงามเป็นธรรมชาติ จากการออกแบบและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ปัจจุบันนวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการบูระณะทางทันตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการจัดฟันแบบใสนั้น สามารถนำเทคโนโลยีทางทันตกรรมมาใช้ ตั้งแต่การบันทึกลักษณะภายในช่องปากด้วยกล้องสแกน Intraoral Scanner โดยสิ่งที่บันทึกจากช่องปาก จะถูกแปลงเป็นภาพ 3มิติ เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบ และวางแผนบูรณะฟันอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ต่อด้วยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการออกแบบ Computer Aided Design: CAD เพื่อจำลองแบบการรักษาขึ้นมาในรูปแบบดิจิตอล โดยทันตแพทย์สามารถออกแบบ วางแผนการเคลื่อนตัวของฟัน ก่อนทำการสรุปแผนการรักษา และเริ่มการผลิตชุดอุปกรณ์จัดฟันด้วยระบบคอมพิวเตอร์ Computer Aided Manufacturing: CAM

การจัดฟันแบบใส (Invisalign Personal 3D Design) เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การสวมใส่ชุดอุปกรณ์การจัดฟันแบบใส จะค่อย ๆ ช่วยจัดเรียงฟัน ให้เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม จนกระทั่งจัดเรียงฟันอย่างเป็นธรรมชาติ ตามที่ได้ออกแบบไว้ นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใส ยังใช้ระยะเวลาการจัดฟันน้อยกว่าการจัดฟันติดเหล็กแบบเดิมด้วย

ปัญหาเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันแบบใส

การจัดฟันแบบใส สามารถแก้ไขปัญหาภาวะสบฟันผิดปกติได้ ตั้งแต่เล็กน้อย ปานกลาง ไปจนถึงรุนแรง ดังนี้

  • ฟันห่าง มีช่องว่างระหว่างฟัน
  • ฟันสบกันแบบไขว้ กรามบนและล่างไม่สบกัน
  • ฟันสบลึก ฟันบนยื่น
  • ขากรรไกรล่างยื่น ฟันล่างยื่น
  • ฟันซ้อนเก ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับฟัน
  • ฟันสบเปิด มีช่องว่างตามแนวระหว่างฟันหน้า

ขั้นตอนการจัดฟันแบบใส

  • พบทันตแพทย์เพื่อประเมินการรักษา ถ่ายภาพเอกซเรย์ สแกนดิจิตอล เพื่อวางแผนการรักษา
  • ทันตแพทย์จะวางแผนการรักษา ด้วยภาพ 3 มิติ และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ที่ออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้เฉพาะบุคคล.
  • ชุดอุปกรณ์จัดฟันแบบใส เข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ตรงกับที่วางแผนไว้
  • ในครั้งแรกคนไข้จะได้รับชุดอุปกรณ์จัดฟันแบบใส สำหรับใส่ทุกวัน จำนวน 3-4 ชุด
  • สำหรับการสวมใส่อุปกรณ์จัดฟันแบบใส จะเปลี่ยนชุดใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์
  • พบทันตแพทย์เพื่อติดตามความคืบหน้าของการรักษา ทุก 6-8 สัปดาห์ พร้อมรับชุดอุปกรณ์จัดฟันชุดต่อไป
  • ระบวนการจัดฟันแบบใสเสร็จสิ้น ดูแลโครงสร้างฟันใหม่ ด้วยการสวมรีเทนเนอร์ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ

ข้อดีของการจัดฟันแบบใส

  • อุปกรณ์จัดฟันสามารถถอดออกได้ เอื้อให้สามารถแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้สะดวก ช่วยรักษาสุขภาพช่องปากระหว่างการจัดฟันได้เป็นอย่างดี
  • อุปกรณ์จัดฟันสามารถถอดออกได้ จึงสะดวกต่อการรับประทานอาหาร และดื่มเครื่องดื่ม
  • ใช้ระยะเวลาการจัดฟันน้อยกว่าวิธีปกติ เห็นผลลัพธ์ของการรักษา ตั้งแต่เดือนแรกที่สวมใส่อุปกรณ์จัดฟันแบบใส
  • อุปกรณ์ทำจากพลาสติกผิวสัมผัสเรียบ ไม่ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก และไม่ก่อให้เกิดปัญหาอุปกรณ์จัดฟันบาดช่องปาก
  • มองเห็นอุปกรณ์จัดฟันได้ยาก ไม่เป็นอุปสรรคต่อความสวยงาม
  • พบทันตแพทย์ทุก 6-8 สัปดาห์ ลดความถี่ในการเดินทาง มีเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการจัดฟันแบบใส จะสามารถถอดอุปกรณ์ออกระหว่างวันได้ แต่ทันตแพทย์แนะนำให้สวมใส่อุปกรณ์จัดฟัน 20-22 ชั่วโมง/วัน ระหว่างการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเห็นผลตามเวลาที่กำหนด

แพทย์

ทพญ. สาวิตรี วิสุวรรณ

Specialty: ทันตกรรมจัดฟันทันตกรรมจัดฟัน
ทันตกรรมจัดฟันทันตกรรมจัดฟัน

ทันตกรรมยุคดิจิตอล รักษาคลองรากฟันด้วยการส่องกล้อง

เมื่อฟันผุ ฟันสึก ฟันแตก หรือฟันร้าว ก่อให้เกิดอาการปวดบวมบริเวณเหงือก และปวดฟัน การถอนฟันอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป เราสามารถเลือกเก็บรักษาฟันแท้ไว้ใช้งานได้ หลังรักษาคลองรากฟัน

ปัจจุบันเทคโนโลยีทางทันตกรรมพัฒนาไปมาก มีการรักษาคลองรากฟันด้วยเทคนิคการส่องกล้อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น

การรักษาคลองรากฟันคืออะไร?

การรักษาคลองรากฟัน (Root Canal Treatment) คือ การซ่อมแซม และรักษาฟันที่เสียหายหรือติดเชื้ออย่างรุนแรง โดยไม่ต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้ง โดยขูดเนื้อฟันส่วนที่เสียหายของโพรงประสาทและคลองรากฟันออก เพื่อทำความสะอาดและทำให้ปราศจากเชื้อ จากนั้นจึงอุดคลองรากฟันและโพรงประสาทฟัน

ข้อบ่งชี้…เมื่อไหร่ควรรักษาคลองรากฟัน?

  • ฟันผุ ฟันแตก ฟันสึก ฟันร้าว ลึกถึงชั้นโพรงประสาทฟัน
  • มีอาการปวดฟัน หรือปวดฟันมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
  • มีประวัติได้รับอุบัติเหตุรุนแรงบริเวณฟัน
  • สีของฟันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
  • มีตุ่มหนอง มีการบวมบริเวณเหงือก หรือบริเวณหน้า

ส่องกล้องรักษาคลองรากฟัน

ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการส่องกล้องเพื่อรักษาคลองรากฟัน (Dental Operating Microscope : DOM) ช่วยเพิ่มกำลังขยายเพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน เพิ่มประสิทธิภาพในการระบุตำแหน่งคลองรากฟัน โดยเฉพาะกรณีที่โพรงประสาทฟันตีบแคบ หรืออุดตัน การส่องหารอยร้าว หรือรักษารอยทะลุในตัวฟันและรอยโรค หรือความบกพร่องอื่น ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การส่องกล้องจึงช่วยเพิ่มศักยภาพในการรักษาคลองรากฟันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อดีของการส่องกล้องรักษาคลองรากฟัน

  • กำลังขยายสูง เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น
  • สามารถระบุตำแหน่งคลองรากฟันได้ง่ายขึ้น
    สามารถค้นหารอยโรค หรือความบกพร่องอื่น ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
  • ไม่ต้องถอนฟัน ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทดแทน
    ทั้งนี้ หลังการบูรณะฟันที่ได้รับการรักษารากฟันแล้ว พบว่าประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวใกล้เคียงฟันธรรมชาติ มากกว่าการใส่ฟันเทียมทดแทน ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องปรับตัวหลังจากบูรณะฟัน และด้วยเทคโนโลยีการส่องกล้องรักษาคลองรากฟัน ยังช่วยลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากทันตแพทย์สามารถเห็นรอยโรคได้ชัดเจน จึงทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

รากฟันเทียม…ทางเลือกยุคใหม่ของการใส่ฟัน

ในปัจจุบัน สังคมกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสังคมของผู้ที่เอาใจใส่ในสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงสุขภาพในช่องปากและฟันด้วย และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อย คือปัญหาการสูญเสียฟัน จากสาเหตุ เช่น ฟันผุ หรือโรคปริทันต์ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาด้านอื่นตามมา เช่น ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวลดลง การล้มเอียงของฟันข้างเคียงและฟันคู่สบ เป็นต้น

เมื่อมีการสูญเสียฟันเกิดขึ้น การใส่ฟันทดแทนนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมา รวมถึงเป็นการบูรณะความสวยงาม และประสิทธิภาพของการบดเคี้ยวกลับคืนมาให้แก่ผู้ป่วยได้อีกด้วย
การใส่ฟันทดแทนนั้นสามารถแบ่งประเภท ได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ การใส่ฟันแบบถอดได้ ได้แก่ ฟันปลอมถอดได้ (removable denture) และแบบติดแน่น ได้แก่ ครอบฟัน/สะพานฟัน (crown/bridge) และรากฟันเทียม (implant)

สำหรับการรักษาโดยการใส่รากฟันเทียมนั้น ในปัจจุบันเป็นการรักษาที่ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ต่ำลง และประสิทธิภาพและความสำเร็จในการฝังรากฟันเทียมที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสมัยก่อน เนื่องด้วยการวิจัยและพัฒนาวัสดุ และการออกแบบรากฟันเทียมที่ดีขึ้น มีการศึกษาองค์ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับรากฟันเทียมออกมาแพร่หลายมากขึ้น

ซึ่งสิ่งที่ผู้ป่วยจะได้รับจากการใส่รากฟันเทียมทดแทน เมื่อเทียบกับการรักษาในรูปแบบอื่น ๆ คือ การบดเคี้ยวที่ดีขึ้นใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากรากฟันเทียมนั้นเกิดการยึดตัวแน่นกับกระดูกขากรรไกรรอบรากฟัน ทำให้สามารถรับแรงบดเคี้ยวได้ดีขึ้นและมากขึ้น เมื่อเทียบกับฟันปลอมแบบถอดได้ ให้ความสวยงามและความสะดวกสบายในช่องปากมากกว่าการใส่ฟันปลอมอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว เมื่อเทียบกับการใส่สะพานฟัน การใส่รากฟันเทียมทดแทนนั้นยังทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องสูญเสียเนื้อฟันของฟันข้างเคียงที่จะต้องถูกกรอออกไปจากการกรอฟันเพื่อทำสะพานอีกด้วย

เมื่อผู้ป่วยตัดสินใจที่จะเข้ารับการฝังรากเทียมเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป ขั้นตอนต่าง ๆ ของการทำรากฟันเทียมที่ผู้ป่วยควรทราบ มีดังต่อไปนี้

  1. เข้ารับการตรวจประเมินสภาพช่องว่างที่ต้องการใส่ฟัน และสภาพกระดูกที่จะรองรับรากเทียม ร่วมกับการถ่ายภาพรังสี x-ray และ/หรือ CT scan
  2. รับการฝังรากเทียมตามแผนการรักษา อาจมีการเสริมกระดูกร่วมด้วย ในรายที่สันกระดูกยุบตัวเนื่องจากสูญเสียฟันไปเป็นเวลานาน
  3. เมื่อแผลหายดี และระยะเวลาผ่านไประยะหนึ่ง รากฟันเทียมที่ได้รับการฝังจะยึดติดแน่นดีกับกระดูกแล้ว ทันตแพทย์ที่เป็นผู้ใส่ฟัน จะนัดผู้ป่วยมาเพื่อพิมพ์ปาก เพื่อทำชิ้นงานมาใส่บนรากฟันเทียม
  4. ผู้ป่วยได้รับการใส่ชิ้นงานที่เป็นครอบฟัน/สะพานฟัน หรืออื่น ๆ บนรากฟันเทียม โดยทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วยเพื่อกลับมาตรวจเช็คชิ้นงาน หลังจากที่ใส่ไปแล้วเป็นระยะ ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ การรักษาด้วยการใส่รากฟันเทียม มีข้อจำกัดบางประการที่อาจทีผลกระทบต่อความสำเร็จในการรักษาได้ เช่น กรณีมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานที่ผู้ป่วยไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลได้ ซึ่งจะได้รับการประเมินโดยทันตแพทย์ก่อนรับการฝังรากฟันเทียม

การใส่รากฟันเทียม เป็นทางเลือกที่สามารถบูรณะประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวและความสวยงามให้กลับคืนมาแก่ผู้ป่วยได้ จึงเป็นทางเลือกที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้แนะนำให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจวางแผนการรักษาโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้แผนการรักษาที่เหมาะสมและได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดในผู้ป่วยแต่ละราย

แพทย์

ทพ. กิตติศักดิ์ เบญจสิริพร

ทันตแพทย์สาขาทันตกรรมประดิษฐ์