รากฟันเทียมแบบ All on 4 ทางเลือกสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก

All on 4 เป็นการรักษาที่ทันตแพทย์ฝังรากฟันเทียมจำนวน 4 ซี่ในกระดูกขากรรไกรเพื่อรองรับฟันปลอมแบบติดแน่นหรือสะพานฟัน การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งหมดในขากรรไกรทั้งบนและล่าง หรือผู้ที่สูญเสียฟันบางส่วนในขากรรไกรทั้งบนและล่าง แต่ต้องการฟันปลอมที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพมากกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ 

ข้อดีของการใช้รากฟันเทียมแบบ All on 4

  • ใช้เวลาในการรักษาสั้น สามารถทำการผ่าตัดฝังรากเทียมและใส่ฟันปลอมได้ภายในวันเดียว หรืออาจใช้เวลา 2-3 วันในกรณีที่ต้องมีการปลูกกระดูกเสริม ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เร็วขึ้น 
  • หากดูเเละรักษาอย่างถูกวิธีจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 
  • ไม่ต้องมีการผ่าตัดหลายครั้ง เนื่องจากใช้รากเทียมเพียง 4 ตัว ทำให้เลี่ยงการปลูกกระดูกปริมาณมากๆได้ ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน 
  • สามารถบดเคี้ยวได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ เนื่องจากรากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ทำให้ฟันปลอมมีความแน่นหนาและคงทน สามารถบดเคี้ยวได้แข็งแรง 
  • สามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากฟันปลอมที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง จึงทำให้ดูสวยงามใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ 
  • ใช้รากเทียมในจำนวนที่น้อยกว่า การฝังรากฟันเทียมทั้งหมดในปาก ในกรณีที่สูญเสียฟันทั้งหมดในช่องปากเเละมีกระดูกเพียงพอต่อการทำรากฟันเทียม All on 4 
  • มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียมกับการใส่รากฟันเทียมทั้งปาก 
  • ไม่เกิดอาการฟันปลอมหลุดหรือขยับในขณะรับประทานอาหารหรือพูดคุย 
  • ไม่ต้องคอยถอดเข้าหรือออกบ่อย

นอกจากนี้ รากฟันเทียมแบบ All on 4 ยังเหมาะกับผู้ที่มีฟันเหลือน้อยหรือสูญเสียฟันทั้งปาก ซึ่งสามารถทดแทนฟันทั้งปากได้ ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้อย่างมั่นใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม รากฟันเทียมแบบ All on 4 ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ราคาค่อนข้างสูง และอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคประจำตัวอื่นๆ 

หากกำลังพิจารณาที่จะทำรากฟันเทียมแบบ All on 4 ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพช่องปากและสุขภาพฟัน เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับตัวคนไข้มากที่สุด

พ่อแม่รู้ได้อย่างไร ว่าเมื่อไหร่ลูกควรจัดฟัน

การจัดฟันในเด็กเล็กควรเริ่มจัดเมื่อฟันแท้ขึ้นบ้างซี่ โดยหลังจากที่ฟันแท้เริ่มขึ้นเเล้วทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟันเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมในการจัดฟันให้เด็กแต่ละคน ส่วนใหญ่เเล้วการจัดฟันในเด็กเน้นแก้ไขความผิดปกติตั้งเเต่เนิ่นๆ เพื่อให้ฟันเรียงตัวอย่างสวยงามเข้ากับโครงสร้างใบหน้า

คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนจัดฟันในเด็ก

  • ควรพาเด็กเข้าตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เพื่อป้องกันฟันผุ และให้ทันตแพทย์ตรวจสอบพัฒนาการเจริญเติบโตของฟันเพื่อปรึกษาแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสมตามช่วงอายุ
  • ควรพูดคุยให้ความรู้ถึงประโยชน์ของการจัดฟันเเละสอนถึงความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก เพื่อให้เด็กเข้าใจถึงประโยชน์ของการจัดฟันและให้ความร่วมมือในการจัดฟัน รวมไปถึงสามารถดูแลความสะอาดช่องปากได้เองในระหว่างทำการจัดฟัน
  • ควรศึกษารายละเอียดค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรูปแบบของจัดฟัน เช่น จัดฟันแบบโลหะ,จัดฟันใส

ยิ้มไม่มั่นใจ มีปัญหาฟันห่างแก้ไขได้ด้วยวีเนียร์

การทำวีเนียร์สามารถแก้ไขปัญหาฟันห่างได้ ในปัจจุบันการทำวีเนียร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นวิธีการที่สามารถปิดช่องว่างระหว่างฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งวีเนียร์มีความแข็งแรงทนทาน สวยงาม
วัสดุวีเนียร์นั้นติดสีได้ค่อนข้างยาก ยังใช้ระยะเวลาในการรักษาจะใช้ประมาณ 2-3 ครั้ง โดยระยะเวลาในการรักษานั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาฟันห่างและความซับซ้อนของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการทำวีเนียร์เพื่อแก้ไขฟันห่าง 

  • สามารถปกปิดช่องว่างระหว่างฟันได้
  • วีเนียร์มีความแข็งแรงและทนทาน
  • สามารถเลือกสีฟันและรูปร่างฟันให้เหมาะกับโครงหน้า
  • ใช้เวลาในการรักษาไม่นานมาก
  • ดูแลรักษาง่าย

ข้อควรระวัง

  • อาจเกิดรอยแตกหรือหลุดได้หากดูแลรักษาไม่ดี
  • ควรดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอโดยพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน

ปวดฟันหากปล่อยไว้ไม่พบทันตแพทย์ อาจอักเสบและติดเชื้อรุนแรงได้

โดยสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้ เช่น การติดเชื้อบริเวณลำคอ การติดเชื้อในโพรงอากาศไซนัส หรือเกิดโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ เป็นต้น

ทั้งนี้ การปวดฟัน หมายถึง อาการปวดบริเวณตัวฟัน หรืออวัยวะรอบตัวฟัน ส่วนใหญ่มักเป็นพบว่ามีสาเหตุจาก ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันคุด ฟันแตก ฟันสึก หรืออวัยวะปริทันต์อักเสบ ซึ่งอาการปวดไม่สามารถหายเองได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ ฉะนั้นเมื่อเกิดอาการปวดฟัน ควรรีบพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง

สาเหตุของอาการปวดฟัน

  • ฟันผุ
  • ฟันคุด
  • ฟันร้าวหรือฟันแตก
  • ฟันสึกลึกจนถึงชั้นโพรงประสาทฟัน
  • โรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ
  • การอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน
  • ปลายรากฟันอักเสบเป็นหนอง
  • เศษอาหารสะสมบริเวณซอกฟันส่งผลให้ให้เหงือกรอบ ๆ อักเสบ กลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย
  • การปวดฟัน อันเนื่องมาจากฟันขึ้นกำลังขึ้นในวัยเด็ก
  • การปวดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร เนื่องจากการนอนกัดฟัน
  • ฟันได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก

ประเภทของอาการปวดฟัน อาการปวดฟัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. ปวดแบบชั่วคราวหายได้เอง

มักเกิดอาการเมื่อได้รับปัจจัยกระตุ้น เช่น การรับประทานของเย็น ของร้อน หรือขณะเคี้ยวอาหาร โดยอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองเมื่อกำจัดปัจจัยกระตุ้น ลักษณะอาการปวดมักจะมีลักษณะ ปวดจี๊ดๆ หรือ ร่วมกับอาการเสียว โดยมากพบว่าสาเหตุเกิดจากฟันผุหรือฟันบิ่นจนถึงเนื้อฟันชั้นใน ความเย็น ความร้อน และการบดเคี้ยวอาหาร จึงกระตุ้นเส้นประสาทในโพรงประสาทใต้เนื้อฟันได้มากกว่าปกติ ทำให้รู้สึกเสียวฟัน สามารถรักษาให้หายได้โดยการบูรณะฟันร่วมกับการใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน

2. ปวดเป็นจังหวะตุ๊บๆ

อาการปวดลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้เองแม้ไม่มีปัจจัยกระตุ้น โดยส่วนใหญ่พบว่าอาการปวดมักเกิดในเวลากลางคืน และการรับประทานของร้อนจะทำให้อาการปวดนั้นแย่ลง ส่วนของเย็น หรือการเคี้ยวอาหาร ก็พบว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้เช่นกัน และอาการปวดจะยังคงอยู่ แม้จะไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นเเล้วก็ตาม อาจพบร่วมกับอาการบวมหรือหนองบริเวณเหงือกรอบๆฟันซี่นั้น ซึ่งการปวดลักษณะดังกล่าว จะมีความรุนแรงมากกว่าอาการปวดฟันแบบแรก เพราะมีการผุจนทะลุถึงโพรงประสาทภายในฟันแล้ว การรักษาจึงจำเป็นต้องรักษารากฟันร่วมกับการบูรณะฟัน

  • “ปวดฟัน” อย่าเพิกเฉย ควรพบทันตแพทย์

เมื่อมีอาการปวดฟัน ควรพบทันตแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ รับการรักษาตามลักษณะอาการและสาเหตุของโรค เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาการปวดอาจรุนแรงขึ้น โดยเหงือกหรือช่องปากบวม ซึ่งทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจำเป็นต้องถอนฟัน

  • ดูแลสุขภาพช่องปาก ลดการเกิดอาการปวดฟัน

อาการปวดฟัน มักสืบเนื่องมากจากปัญหาฟันผุ ฉะนั้นแล้วเราจึงควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอาการปวดฟัน ด้วยการแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก

เลือดออกตามไรฟัน เป็นสาเหตุบ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง ?

อาการเลือดออกตามไรฟัน หลายคนน่าจะเคยเป็นกันบ่อย ซึ่งนอกจากการแปรงฟันแรงเกินไป หรือการใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งจนไปทำร้ายเหงือกแล้ว การที่มีเลือดออกอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุ ดังนี้

  • เหงือกอักเสบ เป็นสาเหตุหลักของการมีเลือดออกตามไรฟัน 90 % ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพเหงือกไม่แข็งแรง สามารถแก้ไขได้ด้วยการตรวจและกำจัดสาเหตุอย่างสม่ำเสมอ เช่น ขจัดคราบพลัค ขูดหินปูน การรักษาโรคปริทันต์ เป็นต้น
  • มีการรับประทานกลุ่มยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน หรือเฮพาริน เนื่องจากเหงือกเป็นอวัยวะที่มีเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก ทำให้มีเลือดซึมออกมาง่ายเมื่อรับประทานยากลุ่มนี้
  • มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เนื่องจากขาดเกล็ดเลือดหรือขาดโปรตีนที่ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว
  • มีปัญหาสุขภาพในกลุ่มโรคเลือด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือที่คนทั่วไปเรียกว่าลูคีเมีย
  • มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน ทำให้มีเหงือกบวมมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีเลือดซึมออกง่ายในช่วงนั้น

การแยกอาการเลือดออกตามไรฟันเกิดจากโรคปริทันต์ หรือโรคทางระบบเบื้องต้นสามารถสังเกตได้ หากเป็นโรคปริทันต์ หลังจากการรักษาด้วยการขูดหินปูนหรือเกลารากฟัน และดูแลความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี อาการเลือดออกตามไรฟันจะค่อยๆลดลงแต่หากเลือดยังไม่หยุดหรือมีเลือดออกเป็นประจำ แม้ว่าจะมีการปรับพฤติกรรมการแปรงฟันแล้ว ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยและการวางแผนรักษา เพื่อได้รับการรักษาที่เหมาะสม